วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Come and Find Me (2016) ยิ่งหา ยิ่งหาย






ถ้าจะคุยถึงหนังเรื่องนี้ก็ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยครับว่ามีสปอยล์แน่นอน เพราะสิ่งที่อยากพูดมันสปอยล์เต็มๆ แต่เอาเข้าจริงจุดสปอยล์ของหนังมันก็ไม่ได้ซับซ้อนชวนอึ้งหรอกครับ แต่ในเมื่อมันเข้าข่ายสปอยล์ก็จั่วหัวไว้ก่อนว่ามีสปอยล์เพื่อความสบายใจ

หากพูดถึงตัวหนังแบบคร่าวๆ แล้ว มันคือหนังแนวลึกลับตามสืบปมปริศนาครับ ตัวเอกคือ เดวิด (Aaron Paul) ที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าแฟนสาวของเขา (Annabelle Wallis) หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย
ที่ว่าไร้ร่องรอยนี่คือไร้จริงๆ ครับ ไม่มีข้อความทิ้งไว้ โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ จนในที่สุดเดวิดต้องลงมือสืบหาความจริงด้วยตนเอง และนั่นก็คือจุดเริ่มของอันตรายครับ เพราะการหายไปของเธอมันมีเหตุผลที่เขาคาดไม่ถึงอยู่
แม้ผมจะบอกว่าเหตุผลที่นางเอกหายไปพระเอกจะคาดไม่ถึง แต่สารภาพตรงๆ ว่าผมคาดถึงนะ คือเดวิดตามรอยของแฟนด้วยการเอารูปที่ยังไม่ล้างของเธอไปลองล้างดู แล้วก็ตามจากเงื่อนงำนั้น พอถึงจุดนี้ผมก็เริ่มเดาได้แล้วล่ะว่านางเอกคงเป็นประมาณสายลับหรือนักสืบนั่นแหละ
จริงๆ มุกนี้หากใช้เมื่อสัก 30 ปีก่อนก็อาจจะใหม่อยู่น่ะครับ แต่ถ้าพูดถึงปัจจุบันแล้ว เราเจอมุกนี้บ่อยจนหลังๆ เริ่มชิน อารมณ์เหมือน Knight and Day หรือ Central Intelligence น่ะครับ ตัวเอกคนหนึ่งไปเจอตัวเอกอีกคนโดยไม่รู้ว่าเขาคือสายลับ แล้วก็ผูกมิตรไมตรีไป แล้วพอถึงจุดหนึ่งฝ่ายที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือสายลับก็จะได้รู้ความจริง แล้วก็ร่วมกันผจญภัยกันไป
ซึ่งหนังเหล่านั้นจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ใน 3 ที่จะเฉลยว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายคือสายลับอะไร ทำงานแบบไหน แต่กับเรื่องนี้หนังเล่าไปจนเกือบจบน่ะครับถึงจะบอกว่าแฟนพระเอกคือใคร และกำลังทำอะไรอยู่
โอเค จริงๆ สูตรเก่าเอามาเล่าใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ ขอเพียงการเล่าระหว่างทางเล่าได้น่าติดตามก็พอ เหมือน A Walk among the Tombstones นั่นแหละ สูตรเก่าก็จริง แต่หากเล่าได้มีเทคนิคน่าติดตาม รสชาติหนังมันก็จะอร่อยขึ้นมาได้
แต่สำหรับเรื่องนี้หนังออกแนวเรื่อยๆ ครับ การตามปมไขปมไม่ได้ชวนให้ติดตามสักเท่าไร เทคนิคการเล่าก็ไม่ได้กระตุ้นความตื่นเต้น ออกแนวเรื่อยมาแล้วก็เรื่อยไป ยังไม่ถึงขั้นจับใจหรือดึงความสนใจเราได้แบบเต็มที่
จุดดีอย่างหนึ่งที่ผมชอบคือภาพถ่ายถนนยามราตรีครับ ถ่ายได้สวยและดูลึกลับดี บางฉากนี่มันให้อารมณ์ลึกลับมากกว่าตัวเนื้อเรื่องซะอีกครับ แล้วก็มุมกล้องก็ได้อารมณ์ต่างกัน อย่างช่วงที่เดวิดสืบอารมณ์กล้องก็จะแบบหนึ่ง ครั้นพอเล่าถึงตอนอดีตตอนพวกเขาสวีทกันก็จะได้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง
หนังเขียนบทและกำกับโดย Zack Whedon น้องชายของ Joss Whedon ครับ ผลที่ได้ก็ถือว่ากลางๆ คือไม่ได้แย่ครับ จริงๆ ดูได้เรื่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เด่นเป็นพิเศษเท่านั้นเอง และตอนจบผมก็เข้าใจนะว่ามันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ (เหมือน Butch Cassidy and the Sundance Kid) เพียงแต่ตัวหนังมันยังไม่พีคเต็มๆ น่ะครับ ถ้าลองว่าเล่าแล้วแน่นล่ะก็ เชื่อว่าคงจะพีคขึ้นเยอะ
สรุปว่าคอหนังแนวสืบสวนตามปมก็ลองชมได้ครับ เพียงแต่ความอร่อยความเด็ดของมันอาจไม่ถึงกับมากเท่านั้นเอง
คะแนนความชอบ 6/10